ปัจจัยที่ทำให้เกิดความล้มเหลวในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
จากงานวิจัยของ Whittaker (1999: 23 อ้างใน http://www.itdestination.com สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2553) พบว่า ปัจจัยของความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์การ มีสาเหตุหลัก 3 ประการ ได้แก่
- การขาดการวางแผนที่ดีพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนจัดการความเสี่ยงไม่ดีพอ ยิ่งองค์การมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าใด การจัดการความเสี่ยงย่อมจะมีความสำคัญมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านนี้เพิ่มสูงขึ้น
- การนำเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมมาใช้งาน การนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในองค์การจำเป็นต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับลักษณะของธุรกิจหรืองานที่องค์การดำเนินอยู่ หากเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่สอดรับกับความต้องการขององค์การแล้วจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
- การขาดการจัดการหรือสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง การที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้งานในองค์กร หากขาดซึ่งความสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงแล้วก็ถือว่าล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น การได้รับความมั่นใจจากผู้บริหารระดับสูงเป็นก้าวย่างที่สำคัญและจำเป็นที่จะทำให้การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์การประสบความสำเร็จ
สำหรับสาเหตุของความล้มเหลวอื่น ๆ ที่พบจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เช่น ใช้เวลาในการดำเนินการมากเกินไป (Schedule overruns) นำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์มาใช้งาน (New or unproven technology) ประเมินแผนความต้องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศไม่ถูกต้อง ผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (Vendor) ที่องค์การซื้อมาใช้งานไม่มีประสิทธิภาพและขาดความรับผิดชอบ และระยะเวลาของการพัฒนาหรือนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้จนเสร็จสมบูรณ์ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปี
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ไม่ประสบความสำเร็จในด้านผู้ใช้งานนั้น อาจสรุปได้ดังนี้ คือ (http://www.itdestination.com สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2553)
1. ความกลัวการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ ผู้คนกลัวที่จะเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งกลัวว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะเข้ามาลดบทบาทและความสำคัญในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบของตนให้ลดน้อยลง จนทำให้ต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
2. การไม่ติดตามข่าวสารความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก หากไม่มั่นติดตามอย่างสม่ำเสมอแล้วจะทำให้กลายเป็นคนล้าหลังและตกขอบ จนเกิดสภาวะชะงักงันในการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
3. โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศกระจายไม่ทั่วถึง ทำให้ขาดความเสมอภาคในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเกิดการใช้กระจุกตัวเพียงบางพื้นที่ ทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้งานด้านต่าง ๆ ตามมา เช่น ระบบโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ฯลฯ
การค้นหาข้อมูล และติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม
ความหมายและการพัฒนาการของอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ใช้เพื่อประโยชน์ในด้านการเรียน การทำงาน การติดต่อสื่อสาร และความบันเทิง เพราะเป็นแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และมีซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ใช้งานมากมาย การศึกษาความหมายและพัฒนาการของอินเทอร์เน็ตจะช่วยให้รู้จักและเข้าใจอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
ความหมายของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์จำนวนมากทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยอาศัยโครงสร้างของระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้งานรูปแบบต่าง ๆ
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะ จึงเข้าสู่เครือข่ายได้อย่างเสรีภายใต้กฎเกณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายจากการเชื่อมต่อของเครือข่ายทั่วโลก
พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตพัฒนามาจากเครือข่ายอาร์พาเน็ต(ARPAnet) ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนงานวิจัยทางการทหารที่มีผลมาจากสงครามเย็นระหว่างกลุ่มประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์กับค่ายเสรีประชาธิปไตย และมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ดังลำดับต่อไปนี้พ.ศ. 2512 เครือข่ายอาร์พาเน็ตเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ถึงกันเป็นครั้งแรก พ.ศ.2515 ปรับปรุงเครือข่ายอาร์พาเน็ตให้ใช้งานได้จริงและเปลี่ยนชื่อเป็น ดาร์พา (DARPAnet) พ.ศ.2518 โอนความรับผิดชอบให้กับหน่วยงานการสื่อสารของกองทัพ พ.ศ.2526 ขยายเครือข่ายและเปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น โดยใช้เกณฑ์วิธีหรือโพรโทคอลชนิดทีซีพี/ไอพี
(TCP/IP)
พ.ศ.2532 ประเทศไทยเริ่มเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังประเทศออสเตรเลีย
พ.ศ.2546 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างต่อเนื่องพ.ศ.2549 เกิดระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายในประเทศไทย ใช้สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์สมุดพก พ.ศ.2552 เกิดระบบ 3G ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในรูปแบบสื่อประสม
การทำงานของอินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเหมือนใยแมงมุมที่แผ่ออกไปกว้างไกลและมีจุดเชื่อมต่อกันได้มายมาย โดยผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเรียกว่า ซึ่งผู้ให้บริการแต่ละรายจะเก็บค่าบริการไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการเชื่อมต่อว่าใช้เทคโนโลยีใด เช่น เอดีเอสแอล(ADSL) ไอเอสดีเอ็น (ISDN) แอร์การ์ด (air card) ทรีจิ(3G) หรือโมเด็มธรรมดาและมีความเร็วสูงมากน้อยเพียงไร เชื่อมต่อตลอดเวลาหรือเป็นครั้งคราว จำกัดเวลาใช้งานหรือไม่ เป็นผู้เรียกดูเรียกใช้บริการอย่างเดียว หรือเป็นผู้ให้บริการแก่คนอื่น หรือให้บริการฟรี เช่น สถาบันการศึกษาให้นักศึกษาในสังกัดใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรี เป็นต้นเทคโนโลยีที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มีดังนี้ โมเด็ม(modem) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งมีสายสัญญาณนำส่งข้อมูลได้แต่ไม่รวดเร็วเท่ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ เอดีเอสแอล(ADSL) คือ เทคโนโลยีของโมเด็มซคึ่งมีสายสัญญาณนำส่งข้อมูลความเร็วสูงกว่าโมเด็มธรรมดา และสามารถพูดโทรศัพท์ขณะใช้อินเทอร์เน็ตได้ ไอเอสดีเอ็น(ISDN) คือ บริการสื่อสารโทรคมนาคมระบบดิจิทัลที่สามารถรับส่งข้อมูลทั้งในระบบภาพ เสียง และข้อมูลได้เร็วกว่าโมเด็มธรรมดา แอร์การ์ด(aircard) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายเข้ากับคอมพิวเตอร์สมุดพกหรือโน๊ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ทรีจี(3G) คือ เทคโนโลยีการสื่อสารที่ผสมผสานการนำเสนอข้อมูล โทรศัพท์เคลื่อนที่ วิทยุเทป กล้องถ่ายรูปและอินเทอร์เน็ตไว้ด้วยกัน ตลอดจนให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงสำหรับคอมพิวเตอร์สมุดพกหรือโน๊ตบุ๊ก an>/ไอพี
(TCP/IP)
พ.ศ.2532 ประเทศไทยเริ่มเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังประเทศออสเตรเลีย
พ.ศ.2546 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างต่อเนื่องพ.ศ.2549 เกิดระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายในประเทศไทย ใช้สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์สมุดพก พ.ศ.2552 เกิดระบบ 3G ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในรูปแบบสื่อประสม การเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตของเทคโนโลยีเอดีแอสแอล ไอเอสดีเอ็น และโมเด็ม มีขั้นตอนที่เหมือนกัน ดังนี้ 1. ผู้ใช้ขอเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต จากผู้ให้บริการโดยการพิมพ์ชื่อเข้าใช้ (login) และรหัสผ่าน (password) 2. โมเด็มจะทำหน้าที่หมุนหมายเลขโทรศัพท์ไปยังผู้ให้บริการพร้อมกับลงชื่อเข้าใช้และรหัสผ่านไปด้วย 3. ข้อมูลชื่อเข้าใช้ และรหัสผ่านเดินทางผ่านทางสายโทรศัพท์ 4. ผู้ให้บริการได้รับการร้องขอเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ต จะทำการตรวจสอบชื่อเข้าใช้ และรหัสผ่าน ถ้าถูกต้องจะส่งข้อมูลกลับไปว่า เข้าใช้สำเร็จ 5. ผู้ใช้จะสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ทันที สำหรับการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตด้วยแอร์การ์ดทำได้โดยเสียบแอร์การ์ดเข้ากับคอมพิวเตอร์สมุดพกหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เปิดเครื่องไว้แล้ว จากนั้นคลิกปุ่มคำสั่ง Connect ก็สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ส่วนการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบทรีจี ซึ่งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเปิดโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันที สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นครั้งคราว ต้องเข้าไปที่รายการการเชื่อมต่อ แล้วเลือกจีพีอาร์เอส(GPRS) ติดต่อกับเครื่องแม่ข่าย เพื่อขอใช้งานจึงจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ไอเอสดีเอ็น(ISDN) คือ บริการสื่อสารโทรคมนาคมระบบดิจิทัลที่สามารถรับส่งข้อมูลทั้งในระบบภาพ เสียง และข้อมูลได้เร็วกว่าโมเด็มธรรมดา แอร์การ์ด(aircard) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายเข้ากับคอมพิวเตอร์สมุดพกหรือโน๊ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ทรีจี(3G) คือ เทคโนโลยีการสื่อสารที่ผสมผสานการนำเสนอข้อมูล โทรศัพท์เคลื่อนที่ วิทยุเทป กล้องถ่ายรูปและอินเทอร์เน็ตไว้ด้วยกัน ตลอดจนให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงสำหรับคอมพิวเตอร์สมุดพกหรือโน๊ตบุ๊ก
การใช้งานอินเทอร์เน็ต
การใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ ซึ่งผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการใช้ให้เข้าใจและฝึกใช้เป็นประจำจึงจะใช้ได้ถูกต้องและเกิดประโยชน์มากที่สุด ดังตัวอย่างอีเมล์ อีเมล์(e-mail) หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการส่งข้อความอย่างเดียวหรือแนบไฟล์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงไปกับข้อความ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการส่งจดหมายหรือพัสดุทางไปรษณีย์ แต่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากกว่า โดยมีซอฟต์แวร์เป็นบุรุษไปรษณีย์ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเส้นทางการส่งจดหมาย และการจ่าหน้าซองจดหมายหรือพัสดุเป็นการอ้างอิงที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ แทนการเขียนลงบนซองจดหมายหรือกล่องพัสดุ การส่งอีเมล์ถึงผู้รับมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ลงทะเบียนเพื่อขอใช้บริการอีเมลของเว็บไซต์ที่ให้บริการก่อน ในกรณีที่ยังไม่สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี 2. เข้าสู่ระบบของผู้ให้บริการ (login) โดยพิมพ์ชื่อเข้าใช้ (username) และรหัสผ่าน(password) 3. คลิกปุ่มคำสั่ง NEW หรือ สร้าง 4. พิมพ์ที่อยู่ของผู้รับ 5. พิมพ์หัวเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อความที่จะส่งไปให้ผู้รับ 6. พิมพ์ข้อความที่ต้องการส่ง 7. คลิกปุ่มคำสั่ง Send หรือ ส่ง เว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีอีเมล์ ซึ่งสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น www.hotmail.com, www.gmail.com, www.yahoo.com เป็นต้น
บล็อก
บล็อก (blog) ย่อมาจากคำว่า เว็บล็อก(weblog) ซึ่งเป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่งที่ถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียนและจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้บนสุดบล็อกโดยปกติจะประกอบด้วยข้อความ ภาพ การเชื่อมโยงภายในบล็อกและเว็บไซต์อื่น และบางครั้งอาจมีสื่อต่าง ๆ เช่น เพลง วิดีโอ ร่วมด้วย บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูลสามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเขียนขึ้น และเจ้าของบล็อกสามารถโต้ตอบกลับได้ทันที บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลาย โดยเจ้าของบล็อกสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร ประกาศข่าย แสดงความคิดเห็น และเผยแพร่ผลงานได้ นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนขึ้นเฉพาะเรื่องส่วนตัวจะเรียกว่า ไดอารีออนไลน์ และบริษัทเอกชนหลายแห่งได้จัดทำบล็อกขึ้นเพื่อเสนอแนวความคิดใหม่ให้กับลูกค้าในรูปแบบข่าวสั้น และเมื่อได้รับการตอบรับจากลูกค้า จึงนำการตอบรับนี้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการต่อไป การใช้งานบล็อกในฐานะผู้อ่านและต้องการ่วมแสดงความคิดเห็น ทำได้ดังนี้ 1. เข้าไปในบล็อกที่ต้องการอ่านหรือร่วมแสดงความคิดเห็น โดยเลือกผ่านการสืบค้นด้วยโปรแกรมเรียกค้นข้อมูล 2. พิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็น 3. คลิกปุ่มคำสั่ง ส่งความคิดเห็น
เว็บไซต์ที่ให้บริการสมาชิกได้สร้างเว็บในลักษณะของเว็บบล็อกได้ฟรีที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ hi5, Facebook, Bloger, Ning, Gotoknow เป็นต้น
การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล
การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล หรือ เอฟทีพี(FTP : File Transfer Protocol) เป็นบริการของสถานีบริการโอนย้ายข้อมูล ซึ่งอาจเป็นขององค์กรใดองค์กรหนึ่งที่มีการนำข้อมูลมาเก็บไว้ ข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นเอกสาร หรือแฟ้มข้อมูลอื่นใดก็ได้ สถานีบริการนี้จะดูแลแฟ้มและให้บริการแก่ผู้เรียกใช้ ทั่งในระยะใกล้และสถานีห่างไกลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผู้เรียกใช้สามารถติดต่อเข้าไปเพื่อขอคัดลอกแฟ้มข้อมูลที่ต้องการมาใช้งานได้
นอกจากนี้ การโอนย้ายข้อมูล ยังสามารถนำข้อมูลของผู้ใช้ที่มีอยู่ โอนย้ายไปให้ผู้อื่น หรือนำไปไว้ในเครื่องบริการที่เชื่อมต่ออยู่บนอินเทอร์เน็ตที่อื่น ซึ่งผู้ใช้มีสิทธิ์ในการใช้ซอฟต์แวร์โอนย้ายข้อมูลที่นิยมใช้กันมีอยู่หลายชนิด เช่น WS_FTP, Cute FTP, FileZilla เป็นต้น ซึ่งในทีนี้จะขอนำเสนอวิธีการใช้งานซอฟต์แวร์ WS_FTP เพราะมีวิธีการติดตั้งไม่ยุ่งยากและใช้งานง่าย การโอนย้ายข้อมูลโดยใช้ซอฟต์แวร์ WS_FTP ที่ติดตั้งแล้ว ทำได้โดยเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แล้วปฎิบัติดังนี้ 1. ดับเบิลคลิกที่ปุ่มคำสั่งของซอฟต์แวร์ WS_FTP เพื่อเปิดใช้งาน 2. เลือกข้อมูลที่ต้องการโอนย้าย 3. คลิกปุ่มคำสั่ง Ü 4. แสดงการโอนย้ายสำเร็จ การสืบค้นข้อมูลโดยใช้โปรแกรมเรียกค้นข้อมูล (search engine) บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลมากมายให้สืบค้น ทั้งข่าวสาร บทความ รูปภาพ เพลง มิวสิกวิดีโอ แผนที่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สืบค้น โดยการสืบค้นข้อมูลที่ต้องการแบบประหยัดเวลานั้น ต้องทราบแหล่งที่มีข้อมูล วิธีการสืบค้นและมีโปรแกรมเรียกค้นข้อมูล เซิร์ซเอนจิน (search engine)เป็นโปรแกรมเรียกค้นข้อมูลหรือโปรแกรมช่วยสืบค้นข้อมูลที่เก็บไว้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โปรแกรมเรียกค้นข้อมูล สามารถพบได้ทั้งเว็บไซต์ต่างประเทศและในประเทศ เช่น www.google.com, www.google.co.th,www.yahoo.com, www.lycos.com, www.sanook.com, www.siamguru.com เป็นต้น ซึ่งเว็บไซต์ที่คนไทยคุ้ยเคยกันดีก็คือ www.google.co.thนั่นเอง
การสืบค้นข้อมูลภาษาไทยโดยใช้โปรแกรมเรียกค้นข้อมูลของ www.google.co.th มีขั้นตอน ดังนี้
1. เปิดเว็บเพจกูเกิล โดยพิมพ์ www.google.co.th ลงในช่องว่าง แล้วกดปุ่ม Enter2. พิมพ์คำค้นหาหรือคำสำคัญ(keyword) ที่ต้องการสืบค้นข้อมูลลงในช่องว่าง 3. คลิกปุ่มคำสั่ง ค้นหาด้วย Google 4. คลิกเลือกเว็บไซต์ที่ต้องการสืบค้นข้อมูล แล้วจะปรากฎรายละเอียดข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์นั้น ๆ หมายเหตุ
www.google.co.th เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจ Search engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ อีเมล เครือข่ายออนไลน์ แผนที่ออนไลน์ ก่อตั้งโดย แลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน คำว่า google มาจากจำนวนทางคณิตศาสตร์ หมายถึง เลข 1 ตามด้วย 0 อีกร้อยตัว หรือ 10100 เพื่อแสดงว่าบริษัทต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล
การสนเทนาบนเครือข่ายการติดต่อสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต นอกเหนือจากการใช้อีเมลแล้ว ยังสามารถสนทนาพูดคุยกันได้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานแตกต่างกันไป เช่น พิมพ์ข้อความผ่านคีย์บอร์ด การพูดคุยผ่านไมโครโฟน และการพูดคุยผ่านเว็บแคมซึ่งสามารถมองเห็นหน้าตาผู้สนทนา รวมถึงสามารถส่งไฟล์ข้อมูล ข้อความภาพและเสียงไปให้คู่สนทนาขณะพูดคุยกันได้ เป็นต้น ซอฟต์แวร์สนทนาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยม เช่น เอ็มเอสเอ็น เมสเซนเจอร์ (MSN Messenger) ไอซีคิว (ICQ) เป็นต้น ตัวอย่างการสนทนาบนเครือข่าย ด้วยซอฟต์แวร์ เอ็มเอสเอ็น เมสเซนเจอร์ (MSN Messenger) มีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกปุ่มคำสั่ง start > All Programs > Windows Live > Windows Live Messenger หรือ ดับเบิลคลิกไอคอน ..... บนหน้าต่างทำงาน 2. ลงชื่อเข้าใช้และรหัสผ่าน 3. คลิกปุ่มคำสั่ง ลงชื่อเข้าใช้ 4. คลิกลงบนรายชื่อเพื่อนที่ต้องการสนทนาด้วย แล้วเลือกส่งข้อความด่วน 5. พิมพ์ข้อความสนทนาลงไปยังช่องว่างด้านล่าง แล้วกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด จะปรากฎข้อความสนทนาที่หน้าต่างด้านบน
ถ้าคู่สนทนาส่งข้อความตอบกลับมา ปุ่มคำสั่งซอฟต์แวร์จะกระพริบและมีเสียงเตือนให้อ่านข้อความ
คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต เป็นแบบแผนความประพฤติหรือความสำนึกต่อสังคมในทางที่ดีเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขในสังคมอินเทอร์เน็ต โดยไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับการยอมรับทางสังคมของสังคมนั้น ๆ เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเกี่ยวข้องกับความคิด และตัดสินใจได้ว่า สิ่งไหนควรหรือไม่ควรปฏิบัติ ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้1. ความเป็นส่วนตัว หมายถึง สิทธิ์ส่วนตัวของบุคคล หน่วยงาน หรือ องค์กร ที่จะคงไว้ซึ่งสารสนเทศที่มีอยู่ โดยให้เปิดเผยหรือยินยอมให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์ต่อหรือเผยแพร่ได้หรือไม่ หากมีการนำไปใช้ จะมีการจัดการกับสิทธิ์ดังกล่าวอย่างไร ความเป็นส่วนตัวนี้มักพบเห็นได้จากผู้ให้บริการข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ให้ใช้บริการฟรี เช่น บริการฟรีอีเมล บริการพื้นที่เก็บข้อมูล บริการใช้งานโปรแกรมฟรี ซึ่งผู้ที่ประสงค์จะเข้าใช้งานจำเป็นต้องกรอกให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของตนเองเสียก่อน จึงจะสามารถเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ และใช้งานได้เต็มรูปแบบ 2. ความถูกต้องแม่นยำ หมายถึง ความเป็นจริงและความน่าเชื่อถือของข้อมูลและสารสนเทศ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ควรตระหนักอยู่เสมอว่า ข้อมูลและสารสนเทศนั้น มีการกลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้อง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ 3. ความเป็นเจ้าของ หมายถึง สิทธิ์โดยชอบในการแสดงความเป็นเจ้าของข้อมูลหรือสารสนเทศ ของบุคคลหรือบริษัทผู้ผลิต การนำข้อมูลหรือสารสนเทศไปเผยแพร่ ลอกเลียน หรือทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจึงเป็นการละเมิดสิทธิ์ของความเป็นเจ้าของ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายและต้องรับโทษ 4. การเข้าถึงข้อมูล หมายถึง การปฏิบัติตนเพื่อเข้าใช้ข้อมูลหรือสารสนเทศในเว็บไซต์ของบุคคลหรือบริษัทบางแห่งที่มีการกำหนดสิทธิ์ของผู้เข้าใช้เป็นระดับต่าง ๆ ซึ่งทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลที่ต้องการมาให้ได้ทั้งหมด ผู้ใช้ที่ดีไม่ควรลักลอบเข้าไปใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่พยายามก่อกวนหรือเข้าไปกระทำการอันจะส่งผลเสียหายใด ๆ รวมถึงปกป้องไม่ให้สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของตนเองตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่ประสงค์ดี เช่น ไม่ควรบอกชื่อเข้าใช้และรหัสผ่านในอีเมลของตนเองแก่ผู้อื่น ไม่ควรบอกรหัสผ่านเอทีเอ็มของธนาคารที่เราเปิดบัญชีแก่ผู้อื่น เป็นต้น ผลกระทบของการใช้อินเทอร์เน็ตกับสังคม อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยไปแล้ว โดยเป็นแหล่งสำคัญในการให้ข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศต่างๆ ซึ่งข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศนั้นก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในด้านบวกที่มีประโยชน์ และผลกระทบด้านลบที่สร้างความเสียหายต่อร่างกาย จิดใจและการดำรงชีวิตของผู้ใช้มารยาท ระเบียบ และข้อบับคับในการใช้อินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตเป็นบริการสาธารณะที่มีผู้ใช้จำนวนมาก จึงต้องมีมารยาท ระเบียบ และข้อบังคับในการใช้ ให้ผู้เข้ามาใช้บริการปฎิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้ง การละเมิดลิขสิทธิ์ การก่อความเสียหายต่อตัวบุคคล ซอฟต์แวร์และคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเด็น ได้แก่ 1. การใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่เข้าไปใช้บริการต่าง ๆ แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้
1.1 ด้านการติดต่อสื่อสารบนเครือข่าย ประกอบด้วย
(1) ไม่ควรนำชื่อบัญชี และรหัสผ่าน ของผู้อื่นมาใช้ และนำข้อมูลของผู้อื่นไปกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ
(2) เก็บรักษารหัสผ่านของตนเองเป็นความลับ และเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นระยะ ๆ
(3) ประหยัดเวลาการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยวางแผนการใช้งานไว้ล่วงหน้า
(4) เลือกถ่ายโอนข้อมูลและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ตามที่ใช้งานจริงเท่านั้น
(5) ก่อนเข้าใช้บริการต่าง ๆ ต้องศึกษา กฎ ระเบียบ ข้อกำหนด รวมทั้งธรรมเนียมปฎิบัติของแต่ละเครือข่ายที่ต้องการใช้งาน
1.2 ด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ ประกอบด้วย
(1) ใช้ภาษาที่สุภาพในการติดต่อสื่อสารและใช้คำให้ถูกความหมาย เขียนถูกต้องตามหลักไวยกรณ์
(2) ใช้ข้อความที่สั้น กระทัดรัด เข้าใจง่าย
(3) ไม่นำความลับ หรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาเป็นหัวข้อสนทนา รวมทั้งไม่ใส่ร้ายหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
(4) หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ดูถูกเหยียดหยามศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อของผู้อื่น
(5) สอบถามความสมัครใจของผู้ที่ติดต่อสื่อสารด้วยก่อนที่จะส่งแฟ้มข้อมูลหรือซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ไปให้
(6) ไม่ส่งจดหมายลูกโซ่ผ่านทางไปรษณีย์อีเล็กทรอนิกส์ไปก่อความรำคาญและเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
1.3 ด้านการใช้ข้อมูลในเครือข่าย ประกอบด้วย
(1) เลือกใช้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีแหล่งที่มาของผู้เผยแพร่และสถานที่ที่ติดต่อได้
(2) ต้องอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่นำมาใช้ และไม่แอบอ้างผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
(3) ไม่นำข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต
1.4 ด้านระยะเวลาในการใช้บริการ ประกอบด้วย
(1) เปิดโอกาสให้ผู้ใช้คนอื่นได้ใช้งานบ้าง ในกรณีที่เป็นอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่มีจำนวนเครื่องที่เปิดให้ใช้งานน้อย
(2) ติดต่อกับเครือข่ายเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานจริงเท่านั้น
2. การใช้อินเทอร์เน็ตในฐานะบุคคลที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล มีดังนี้
(1) ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และข่าวสารต่าง ๆ ก่อนนำไปเผยแพร่บนเครือข่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง
(2) ใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นทางการในการเผยแพร่สิ่งต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต และ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้สะดวกต่อการใช้งานของผู้ใช้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
(3) เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ไม่นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขัดต่อศีลธรรมและจริยธรรมอันดี รวมทั้งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น และข้อมูลที่ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม
(4) บีบอัดภาพหรือข้อมูลขนาดใหญ่ก่อนนำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตเพื่อประหยัดเวลาในการดึงข้อมูลของผู้ใช้
(5) ระบุแหล่งที่มา วันเดือนปีที่ทำการเผยแพร่ข้อมูล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้เผยแพร่ รวมทั้งควรมีคำแนะนำ และคำอธิบายการใช้ข้อมูลที่ชัดเจน
(6) ระบุข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ให้ชัดเจนว่าเป็นโฆษณา ข่าวลือ ความจริง หรือ ความคิดเห็น
(7) ไม่เผยแพร่หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งโปรแกรมของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
(8) ไม่ส่งข้อมูลข่าวสารหรือซอฟต์แวร์ที่มีไวรัสคอมพิวเตอร์ไปให้ผู้อื่นหรือเผยแพร่ในระบบอินเทอร์เน็ต
ผลกระทบนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยี มีความสำคัญต่อประเทศอย่างไร
จะมีทางเลือกในการจัดการนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีอย่างไร
การจัดการเทคโนโลยี คือ วิธีการ กระบวนการ ในการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาผลผลิตที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและมนุษย์ได้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิผล ประหยัด และเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน การจัดการเทคโนโลยี คือการผสมผสาน หรือองค์รวม หรือจะเรียกว่าการบูรณาการก็ได้ เพราะจะต้องนำศาสตร์สาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมตลอดจนการจัดการเข้าด้วยกัน เทคโนโลยี เป็นฐานปัจจัยหลักในการพัฒนาให้เกิดความสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ต้องให้คำนึงถึงปัจจัยอีกประการ คือการเพิ่มระดับความรู้ (Enhancement of Knowledge) ทุนทางปัญญา (Intellectual Capital) การใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า (Effective Exploitation of Resource) การรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ การจัดการนี้จะ ต้องมีการจัดการที่เป็นระบบและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
การจัดการเทคโนโลยี จะต้องประกอบด้วยความรู้ที่จำเป็นสำหรับการบริหารเทคโนโลยี หลายองค์ประกอบ เช่น กลยุทธ์ระยะยาวทางเทคโนโลยี นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขบวนการทางนวัตกรรมเทคโนโลยี การจัดการการวิจัยและพัฒนา สิ่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เทคโนโลยีเพื่อธุรกิจขนาดย่อยและความเสี่ยง วงจรชีวิต ขบวนการและผลิตผล การพยากรณ์เทคโนโลยีและการวางแผน นวัตกรรมเทคโนโลยีและการวางแผนกลยุทธ์ การถ่ายโยงเทคโนโลยี การถ่ายโยงเทคโนโลยีสู่สากลและบทบาทความร่วมมือระหว่างประเทศ การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางเทคโนโลยีและการประเมิน การวิเคราะห์เศรษฐกิจ มนุษย์ สังคม และเทคโนโลยี สาระวัฒนธรรม มนุษย์ สังคม และเทคโนโลยี สาระการศึกษาและการฝึกอบรมในการจัดการเทคโนโลยี การจัดการเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการผลิต การจัดการเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการบริการ เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีอื่นๆ การตลาด การผลิต และภายหลังการเชื่อมโยงการตลาด การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและโครงสร้างองค์กร เทคโนโลยีการเงินและการตัดสินใจทางการเงิน สาระ คุณภาพ และผลผลิต วีธีการจัดการเทคโนโลยี การไม่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
องค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้เป็นแนวความคิด และแนวทางที่เป็นข้อมูลพื้นฐานของการจัดการเทคโนโลยี เป็นการประยุกต์ใช้ที่เชื่อมโยงระหว่างวิชาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการจัดการเข้ามาไว้ด้วยกัน ผสมผสานบูรณาการแบบองค์รวมให้ผลในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป การจัดการเทคโนโลยี เป็นศาสตร์ที่บูรณาการศาสตร์หลายสาขาเข้าด้วยกัน และมีบทบาทในการแสวงหาความเจริญทางเทคโนโลยีหลายด้าน เช่น การแข่งขัน และโอกาสทางธุรกิจ การพัฒนาระบบการผลิตในงานอุตสาหกรรม การบริหาร ตลอดจนการบริหารโครงสร้างองค์กรภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ดังนั้นหากผู้บริหารประเทศและประชาชนในประเทศร่วมกันส่งเสริม เสริมสร้าง องค์ความรู้ หรือสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดจากการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างยิ่ง และต้องร่วมกันมุ่งเน้นร่วมมือกันพัฒนาความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี ควรมีการกำหนดนโยบายโดยคำนึงถึงสภาวะที่ต้องแข่งขัน ระบบสาธารณูปโภครวมถึงการจัดการด้านวิจัยและพัฒนา
นวัตกรรมคือ สิ่งใหม่ ที่เกิดจาก การใช้ ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ ที่มีประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกระบวนการการผลิต การเรียนรู้ การจัดการความรู้ หรือการใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ เพื่อให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการกำเนิดผลิตภัณฑ์ การบริการกระบวนการผลิตใหม่ การปรับปรุงเทคโนโลยี การแพร่กระจายเทคโนโลยี และการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์และเกิดผลพวงทางเศรษฐกิจและสังคม
วิธีการสร้างนวัตกรรม สามารถหลายวิธี เช่น หาวัสดุมาทดแทน คิดแบบกลับทาง จับมารวมกัน หาวิธีใหม่ เลิกใช้หรือกำจัดออก จัดแถวจัดกลุ่มใหม่
ความสำคัญต่อประเทศ
นวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อประเทศหลายประการดังนี้
1) การสร้างเสริมคุณภาพชีวิต สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาการนวัตกรรมด้านต่าง ๆ จะทำให้ประเทศชาติเจริญยิ่งขึ้น เช่น การใช้ใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกรวดเร็ว มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องซักผ้า ใช้ควบคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ตัวอย่างการใช้รีโมทเพื่อความสะดวกในการควบคุมโทรทัศน์
2) การเสริมสร้างความเสมอภาคในสังคมและการกระจายโอกาส นวัตกรรมจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เช่นเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การกระจายข่าวสารไปได้ทั่วทุกหนแห่งแม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้ มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล นอกจากนี้มีความพยายามที่จะใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
3) การเรียนการสอนในสถานศึกษา ในสถานศึกษามีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทำรายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษามากขึ้น
4) การรักษาสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีหลาย ๆ ด้าน เช่น เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่างๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่า โทรมาตร เป็นต้น
5) การป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้นวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยี เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร อุตสาหกรรม ฯลฯ เช่น ระบบควบคุม ระบบป้องกันภัย และ ระบบเฝ้าระวัง
6) การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิต เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมากและมีราคาที่ถูกลง นวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทมาก นอกจากนี้ยังมีการใช้นวัตกรรมการจัดการข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น
7) ความคิดและการสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ มีผลกระทบเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน และมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนจึงต้องเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้สามารถสิ่งเหล่านั้นไปพัฒนาสิ่งต่างๆ ต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศมากนัก ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
สิ่งใดที่มีประโยชน์และความสำคัญ ย่อมต้องมีผลกระทบต่อประเทศชาติและสังคม ทั้งในทางบวก และทางลบ
ผลกระทบในทางบวก
ผลกระทบต่อประเทศชาติและสังคมมีหลายประการซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม ผลกระทบนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีในทางบวกหรือทางที่ดีนั้นมีดังนี้
1) ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยทำให้มนุษย์มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ช่วยส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน เช่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มนุษย์รับรู้ข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงภัยกับงานที่มีอันตราย มีเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ทำให้ติดต่อถึงกันได้สะดวก มีระบบคมนาคมขนส่งที่รวดเร็ว สามารถติดต่อสื่อสารได้ในขณะเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
2) ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น ระบบการผลิตสินค้าในปัจจุบันเป็นระบบที่ต้องการผลิตสินค้าจำนวนมาก มีคุณภาพมาตรฐาน การผลิตในสมัยปัจจุบันใช้เครื่องจักรทำงานอย่างอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง สินค้าที่ได้มีคุณภาพดีและปริมาณพอเพียงกับความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันมีความพยายามที่จะสร้างหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในอุตสาหกรรมการผลิต การนำพลังงานรูปแบบต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การจัดการเรื่องโลจิสติกส์ การนำผลิตภัณฑ์เก่าใช้แล้วไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล และอื่น ๆ อีกมากมาย
3) ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ประเทศชาติได้มีนักวิจัยและองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าสมัยก่อน โดยการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสาร เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้งานค้นคว้าวิจัยมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น คอมพิวเตอร์ช่วยงานคำนวณที่ซับซ้อน ซึ่งแต่ก่อนยากที่จะทำได้ เช่นงานสำรวจทางด้านอวกาศ งานพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์และสารเคมีต่างๆ ทำให้ได้สูตรยารักษาโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ปัจจุบันงานค้นคว้าวิจัยทุกแขนงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณต่างๆ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์ในการจำลองรูปแบบของสิ่งที่มองไม่เห็นตัว ใช้ในการค้นหาข้อมูลที่มีจำนวนมากและแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก สามารถค้นหารายงานวิจัยที่มีผู้เคยทำไว้แล้วและที่เก็บไว้ในห้องสมุดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว งานวิจัยด้านต่างๆ มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เพราะเทคโนโลยีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่อย่างมาก
4) ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น นวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยี มาช่วยงานทางด้านการแพทย์ให้เจริญก้าวหน้าขึ้นอีกมาก ปัจจุบันเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ล้วนแล้วแต่ใช้คอมพิวเตอร์และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาช่วยในการดำเนินการ ช่วยในการแปลผล มีเครื่องมือตรวจหัวใจที่ทันสมัย มีเครื่องเอกซเรย์ภาคตัดขวางที่สามารถตรวจดูอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้อย่างละเอียด มีเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจค้นหาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่ทันสมัย หรือแม้แต่การผ่าตัดก็มีเครื่องมือช่วยในการผ่าตัดที่ทำให้คนไข้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มีเครื่องมือที่วัดและตรวจสอบสภาพการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างละเอียด ระบบการรักษาพยาบาลจากที่ห่างไกล เช่น คนไข้อยู่ที่จังหวัดชายแดนและขาดแคลนแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ผู้ทำการรักษาสามารถส่งคำถามมาปรึกษาหารือกับแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะได้ มีการรวบรวมความรู้ของแพทย์ผู้ชำนาญการจัดสร้างเป็นฐานความรอบรู้ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเครื่องมือช่วยคนพิการต่างๆ เช่น การสร้างแขนเทียม ขาเทียม การสร้างเครื่องกระตุ้นหัวใจ สร้างเครื่องช่วยฟังเสียง หรือมีการพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญต่างๆ รวมทั้งการผลิตยา และวัคซีนสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้าช่วยด้วย
5) ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ คอมพิวเตอร์มีจุดเด่นที่ทำให้การทำงานต่างๆ รวดเร็ว มีความแม่นยำ และสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ได้มาก การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนบางอย่างกระทำได้ดี และรวดเร็ว งานบางอย่างถ้าให้มนุษย์ทำอาจต้องเสียเวลาในการคิดคำนวณตลอดชีวิต แต่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานเสร็จในเวลาไม่กี่วินาที ดังนั้นจึงมีการนำคอมพิวเตอร์มาจำลองเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้มนุษย์หาทางศึกษาหรือแก้ไขปัญหา เช่นการจำลองสภาวะของสิ่งแวดล้อม การจำลองระบบมลภาวะ การจำลองการไหลของของเหลว การควบคุมระบบจราจร หรือแม้แต่การนำเอาคอมพิวเตอร์มาจำลองในสภาพที่เหมือนจริง เช่น จำลองการเดินเรือ จำลองการขับเครื่องบิน การขับรถยนต์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เหมือนจริงได้ หากมีการผิดพลาดก็ไม่ทำให้เกิดอันตราย คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเรียนรู้ของมนุษย์ได้ดี ปัจจุบันมีการนำบทเรียนมาไว้ในคอมพิวเตอร์ และให้เรียนรู้ผ่านคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( Computer Assisted Instruction : CAI)คอมพิวเตอร์ยังเป็นเครื่องมือที่ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาสมัยใหม่ เชื่อมโยงติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต สามารถเรียกค้นข้อมูลข่าวสารผ่านทางเครือข่าย สามารถเรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์หรือเรียนจากที่ห่างไกลได้ คอมพิวเตอร์จึงมีบทบาทที่ทำให้มนุษย์ได้รับข่าวสารมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นหนทางที่ทำให้เกิดสติปัญญาอย่างแท้จริง
6) นวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรม กิจการค้าขาย ธุรกิจต่างๆ กิจการทางด้านธนาคาร ช่วยส่งเสริมงานทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้กระแสเงินหมุนเวียนได้อย่างกว้างขวาง ผู้ผลิตในสายอุตสาหกรรมจะผลิตสินค้าได้มาก ลดต้นทุน ธุรกิจอาศัยการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน เกิดระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่า อีดีไอ (Electronic Data Interchang : EDI)
7) ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน การสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ช่วยย่อโลกให้เล็กลง สังคมโลกมีสภาพไร้พรมแดน มีการเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกันมากขึ้น เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันได้ดี ทำให้ลดปัญหาในเรื่องความขัดแย้ง
8) ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกครั้ง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อกระจายข่าวสาร เพื่อให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของระบบประชาธิปไตย แม้แต่การเลือกตั้งก็มีการใช้คอมพิวเตอร์รวมผลคะแนน ใช้สื่อโทรทัศน์ วิทยุแจ้งผลการนับคะแนนที่ทำให้ทราบผลได้อย่างรวดเร็ว
ผลกระทบในทางลบ
นวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก และกว้างขวาง ซึ่งหมายถึงการใช้เทคโนโลยี การประยุกต์ใช้ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปในด้านต่างๆ ซึ่งกล่าวในทางลบ เพื่อร่วมกันหาทางป้องกันและแก้ไขต่อไป
1) นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทำให้เกิดอาชญากรรม เช่นเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้ โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม มีการลักลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร มีการโจรกรรมหรือแก้ไขตัวเลขบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ การลอบเข้าไปแก้ไขข้อมูลอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น การแก้ไขระดับคะแนนของนักศึกษา การแก้ไขข้อมูลในโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาลคนไข้ผิด ซึ่งเป็นการทำร้ายหรือฆาตกรรมดังที่เห็นในภาพยนตร์
2) ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย เช่นการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว การใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมส์มีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง ผลกระทบนี้ทำให้มีความเชื่อว่า มนุษย์สัมพันธ์ของบุคคลจะน้อยลง สังคมใหม่จะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพึ่งพากันมาก อย่างไรก็ดีได้มีงานวิจัยคัดค้านและแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคโนโลยีได้ช่วยให้มนุษย์มีการติดต่อสื่อสารถึงกันมากขึ้นและความสัมพันธ์ดีขึ้น
3) ทำให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดการว่าจ้างงานน้อยลง มีการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในงานมากขึ้น มีระบบการผลิตที่อัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานอาจตกงาน หรือหน่วยงานอาจเลิกว่าจ้างได้ โดยความจริงแล้วความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับบุคลากรบางกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้าบุคคลนั้นมีการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี หรือมีการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถสูงขึ้นแล้วปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น
4) ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หากเกิดการสูญหายของข้อมูล อันเนื่องมาจากเหตุอุบัติภัย เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือด้วยสาเหตุใดก็ตามที่ทำให้ข้อมูลหายหมด ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง
5) ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง ประเทศที่เป็นเจ้าของนวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยี สามารถนำนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากขึ้น
6) ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด การนำมาใช้ในทางใดจึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้ จริยธรรมการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องสำคัญ ดังเช่นการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีผู้สร้างโฮมเพจหรือสร้างข้อมูลข่าวสารในเรื่องภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรือภาพที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย การดำเนินการเช่นนี้ย่อมขึ้นอยู่กับจริยธรรมของผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีการปลอมแปลงระบบจดหมาย เพื่อส่งจดหมายถึงผู้อื่นโดยมีเจตนากระจายข่าวที่เป็นเท็จ จริยธรรมการใช้งานเครือข่ายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปลูกฝังอย่างมาก
7) ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนามาก ข้อมูลก็มีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย เทคโนโลยีทำให้ข้อมูลถูกทำลายได้ง่าย อาจจะถูกทำลายด้วยไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่สามารถทำสำเนาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ สามารถแพร่ไปยังระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์บางชนิดทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลต่างๆ บางชนิดทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง ผลกระทบต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์และจุดประสงค์ของผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น ว่าต้องการให้โปรแกรมทำงานอย่างไร ทั้งนี้เราก็ควรจะปลูกฝังให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดี ไม่ให้ทำลายข้อมูลผู้อื่น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้
ดังนั้นจะขอนำเสนอทางเลือกในการจัดการนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยี ดังนี้
1. การจัดการนวัตกรรมการจัดการเทคโนโลยี
สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R & D) โดยมุ่งเน้นพยายามไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ
มีการป้องกันสิทธิบัตร
มีการพัฒนานวัตกรรมเหล่านั้น ให้เป็นสินค้าที่ออกใหม่
การปรับปรุงสมรรถนะและระบบต่าง ๆ ผ่านระบบอัตโนมัติ
2. การจัดการด้านการผลิต
มุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตได้คุณภาพและมีต้นทุนต่ำ
ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและสินทรัพย์อย่างเต็มที่
เลือกสถานที่ตั้งโรงงานที่เหมาสะและทำให้ต้นทุนต่ำ
ส่งเสริมด้านฝีมือแรงงานที่ดีและมีคุณภาพและสนับสนุนอย่างเพียงพอ
เสริมสร้างสมรรถนะการผลิตของผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงสามารถแข่งขันในตลาดได้
ส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้นทุนถูกและถูกหลักด้านวิศวกรรม
บริหารจัดการให้เกิดความยืดหยุ่นของการผลิตในช่วงต่างๆ ได้แก่ ขนาดปริมาณการผลิต และตามที่ลูกค้าสั่ง
3. การจัดการด้านช่องทางจำหน่าย
สร้างโครงข่ายช่องทางจำหน่ายทางการค้าทั้งค้าส่งและค้าปลีกที่แข็งแรง
จัดการบริหารต้นทุนการกระจายสินค้าให้มีค่าใช้จ่ายต่ำ
จัดการด้านการส่งมอบสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและรวดเร็ว
4. การจัดการด้านการตลาด
ให้คำปรึกษาทางเทคนิคที่แม่นยำและรวดเร็ว
บริการลูกค้าด้วยความสุภาพอ่อนโยนเอื้อเฟื้อ
การระบายสินค้าและการเลือกผลิตภัณฑ์และบริการ
จัดการเรื่องการบรรจุผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของลูกค้าและสามารถเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
มีการรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้ลูกค้า
จัดการด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างชาญฉลาด
5. การจัดการด้านบุคลากร
ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ส่งเสริมและฝึกฝนให้มีความรู้เทคนิคเฉพาะทางการควบคุมคุณภาพ
ส่งเสริมและฝึกฝนความชำนาญเทคโนโลยีเฉพาะทาง
ส่งเสริมแลฝึกฝนให้มีความสามารถในการค้นคว้า วิจัย และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ของผลิตภัณฑ์ หรือบริการอย่างต่อเนื่อง
ส่งเสริมให้นำ ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ได้จากการค้นคว้าวิจัย ออกสู่ตลาดเพื่อให้เกิดรายได้
6. การจัดการด้านองค์กร
สร้างระบบการสื่อสารให้ทันสมัยเพื่อให้มีการติดต่อ สื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
สร้างผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถในการปรับตัวเข้าสู่ตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว สามารถ คิดและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
สร้างการกระจายผลิตภัณฑ์และบริการในช่องทางใหม่ ๆ เช่น สร้างระบบการค้าผ่านอินตอร์เน็ต (E Commerce)
7. สร้างระบบการบริหารงานและจัดการในสมัยใหม่ โดยคำนึงถึงเรื่อง ดังนี้
1. บูรณภาพ (Integrity) คือ กลุ่มของคุณค่าที่นำทางเราทั้งหมดตลอดเวลา เป็นการทำสิ่งที่ถูกต้อง
2. การเปลี่ยนแปลง (Change) จงคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดีอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงจะสร้างโอกาสทุกวินาที ไม่ใช่วิกฤติที่สร้างโอกาสให้เรา ทำการเปลี่ยนแปลงให้เป็นพลังที่กระตุ้นเหตุการณ์ให้เกิดขึ้น
3. ลูกค้า (Customer) ต้องให้ความสำคัญ และให้ ความสนใจและต้องสร้างความพึงพอใจของลูกค้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้ยึดคำมั่นข้อตกลงที่ให้ไว้กับลูกค้ากับตารางเวลาที่จะส่งสินค้า
4. สร้างขนาดและโครงสร้างให้เหมาะสม (Size and Structure) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและต้นทุนต่ำ เพื่อจะได้สามารถแข่งขันได้ในตลาด
5. ความมั่นใจ อย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว (Self-confident, Simplicity and Speed) สร้างความมั่นใจ โดยให้โอกาสทดลองพยายามที่มีความเสี่ยง และเอาชนะ ทำให้มันเรียบง่ายในความคิดและการกระทำ
6. ภาวะผู้นำ (Leadership) สร้างภาวะผู้นำ – จงวัดตัวคุณเองด้วย 4 “E’s”
* Energy พลังที่จะรับมือ ต่อสู้ จัดการ แก้ปัญหาในยุคโลกาภิวัฒน์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
* Energizing ความสามารถที่จะกระตุ้นองค์กรอย่างมีพลัง
* Edge มีเหลี่ยมพอที่จะขยับขับเคลื่อนนโยบายที่แสนยากโหดร้าย
* Execution มีทักษะกระตุ้นทำสิ่งให้เกิดขึ้นได้ง่าย
7. ส่งเสริมการอบรม (Training) จัดการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องและให้เป็นความรู้สากล
8. พัฒนาบุคลากร (People) อย่างต่อเนื่อง
9. ความไม่เป็นทางการ (Informality) เป็นประโยชน์ด้านการแข่งขันอันยิ่งใหญ่
10. องค์กรที่เรียนรู้โลก (Global Learning Company) เพื่อให้ได้ข้อมูลใหม่ ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อนำสู่ตลาดเพื่อก่อให้เกิดรายได้ และนำรายได้เหล่านั้นบางส่วนมาเข้ากระบวนกันพัฒนานวัตกรรม ต่อไป
จะเห็นว่า ผลกระทบนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยี มีความสำคัญต่อประเทศเป็นอย่างยิ่ง และมีผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ พวกเราทุกคนควรมีส่วนร่วมกันการสร้างสรรค์และพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผู้เขียนขอนำเสนอแนวทางเลือกในการจัดการนวัตกรรมทางการจัดการเทคโนโลยีไว้ในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งในมุมมองของการบริหารและการจัดการนั้น เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ควรดำเนินการไปด้วยกัน อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และต้องมีการประเมินทุก ๆ ระยะเวลา เพื่อทบทวนผลว่า แนวทางเลือกต่าง ๆ เหล่านี้ ข้อใดเหมาะสมที่จะนำไปใช้ต่อไปหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีการพัฒนา อย่างสร้างสรรค์ต่อเนื่องและสม่ำเสมอแล้ว ผลที่ได้ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพวกเราต่อไป
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น